อาหารที่ใช้บำบัด

     อาหารที่ใช้บำบัด
  • เนื้อสัตว์ไม่คิดมัน ปลา ไก่ ถั่วเมล็ด และ โปรตีนพร่องไขมันอื่นๆ

       ผู้ป่วยเอชไอวีต้องการโปรตีนมากขึ้นเพื่อต่อสู้เชื้อไวรัส การเพิ่มปริมาณโปรตีน ไม่ควรเลือกจากโปรตีน ที่มีไขมันสูง เพราะไขมันอิ่มตัวจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ยาต้านไวรัส HAART ซ้ำยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ซึ่งอาการอักเสบเรื้อรังเป็นสาเหตุของผลข้างเคียงระยะยาวอื่นๆ ในผู้ป่วยเอชไอวี เช่น โรคกระดูกพรุนและเบาหวานชนิดที่สอง นอกจากนี้ ไขมันอิ่มตัวยังช่วยเพิ่มการสร้างสารไซโตคายน์ (cytokines) สารตัวนี้กระตุ้นการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส จึงควรเลือกใข้โปรตีนจากแหล่งที่ ไม่มีไขมัน

  • อาหารที่มีเส้นใยสูง

    การกินสารเส้นใยสูงช่วยให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้เพิ่มขึ้น ลดอาการท้องร่วงซึ่งอาการท้องร่วงพบมากในผู้ป่วยเอชไอวีและยังช่วยควบคุมผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านไวรัส(HAART) เช่น ภาวะดื้อยาอินซูลินและการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้อง                                                                                                                                                                                                                           






าหารที่แนะนำ  ธัญญาพืช จะรับประทาน 3 ส่วนบริโภค เช่น แซนวิชจากขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น ข้าวกล้อง 1/2 ถ้วย หรือได้เพิ่มเติมจาก ถั่วฝัก ถั่วเลนทิล ถั่วเปลือกแข็ง และซีเรียลที่มีสารเส้นใยสูง 

    • ผักและผลไม้ และอาหารอื่นที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

           ไวรัสเอชไอวีทำให้เกิดความเสียหายกับเซลล์ทั่วร่างกายวิธีปกป้องเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด คือ การเพิ่มสารต้านอยุมูลอิสระให้ร่างกายมากชนิดที่สุด ผักและผลไม้เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่ผู้ป่วยเอชไอวีมักขาด ภาวะขาดวิตามินจะพบได้แม้ในระยะแรกๆและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ได้เร็วขึ้น ดังนั้นควรเลือกผักและผลไม้ให้หลากหลายไม่กินซ้ำซากเพียงบางชนิด และควรเลือกอาหารที่มีสีสันจัด
    ปริมาณอาหารที่แนะนำ: กินผักผลไม้วันละ7-10ส่วนบริโภค



    • เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมทาเกะ เห็ดหลินจือ

           เห็ดทั้งสามชนิดนี้มีคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า เบตากลูแคน (beta-glucan) ซึ่งการวิจัยทางห้องปฏิบัติการส่วนหนึ่งพบว่า เบตากลูแคนนี้มีบทบาทในการช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันให้ทำลายเชื้อไวรัส
    ปริมาณที่แนะนำ : ไม่มีปริมาณที่แนะนำเฉพาะ แต่การเพิ่มเห็ดวันละ 1/2 ถ้วยเป็นส่วนหนึ่งของอาหารกลุ่มผักและผลไม้ ไม่มีผลเสียใดๆ
    เกร็ด่รู้ : นำเห็ดชิตาเกะมากินได้ทั้งชนิดสดหรือปรุงสุก แต่เห็ดไมทาเกะและเห็ดหลินจืออาจต้องนำมาต้ม









    • ถั่วบราซิล และอาหารอื่นที่มีซีลีเนียมสูง

             ถั่วบราซิลมีสารต้านอนุมูลอิสระซีลีเนียมในปริมาณที่สูงมาก มีงานวิจัยที่พบว่าผู้ป่วยเอชไอวีที่มีระดับซีลีเนียมต่ำ มีอัตราการตายสูงกว่าผู้มีระดับซีลีเนียมในระดับปกติ 10 เท่า
      ปริมาณที่แนะนำ : วันละ 200-600 ไมโครกรัม ซึ่งปริมาณนี้เทียบได้กับการกินถั่วบราซิลเพียง 1 กำมือ ถั่วบราซิล 1 เมล็ดมีซีลีเนียม 75-100 ไมโครกรัม


      • โยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียมีชีวิต   

              การดื่มโยเกิร์ตวันละ 2-3 ถ้วยจะส่งผลดีในหลายด้าน ถ้าระบบทางเดินอาหารทำงานอย่างเป็นระเบียบจะไม่ค่อยเกิดอาการท้องร่วงและร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบภูมิคุ้มกันที่จะต่อต้านเชื้อไวรัส และช่วยให้ผู้ป่วยทนต่อผลข้างเคียงจากยายที่รักษาได้ดีขึ้น 




      • ชาเขียว

               เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุด อิพีแกลโลคาทีชิน-3-แกลเลท(epigallocatechin-3-gallate) หรือ อีจีซีจี (EGCG) ซึ่งคาดว่ามีคุณสมบัติต้านไวรัส 


      ปริมาณที่แนะนำ: ชาเขียววันละ 4 ถ้วย  



        

      ความคิดเห็น

      โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

      โภชนาการสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์